7 ที่เที่ยวสวยในไทย ที่คนไทยไม่ค่อยไป และยังไม่รู้
บ้านเราเริ่มมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ บางที่ก็พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ และบางทีก็มีมานานแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่เคยได้ไปสัมผัส หรือแทบจะยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ วันนี้เราเลยรวบรวม ที่เที่ยวสวยในไทย ที่เราเองอาจจะยังไม่รู้จักกันมากนัก มาแนะนำให้ไปเที่ยวกันค่ะ
1.วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ Unseen ลำปาง
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา หรือดอยปู่ยักษ์ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ และมีเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น งดงาม และน่าอัศจรรย์ จากด้านบนยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะสามารถชมทิวทัศน์ของภูเขาสีเขียวและอำเภอแจ้ห่มแบบกว้างไกล 360 องศาเลยทีเดียว
2.สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว ชัยภูมิ
คงมีน้อยคนนักที่จะนึกถึงจ.ชัยภูมิ ในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวภาคอีสาน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความกว้างใหญ่ไพศาลของแดนดินถิ่นที่ราบสูงนั้นอุดมไปด้วยแหล่งอารยธรรม วัฒนธรรม และธรรมชาติเลื่องชื่อมากมายในหลายจังหวัดอยู่แล้ว แม้แต่เราเองก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมเมืองชัยภูมิมาก่อนเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เราก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ออกจะบ่อย
“สโตนเฮนจ์เมืองไทย” ตั้งอยู่บนยอดเขาภูแลนคาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร ด้วยกัน อยู่ระหว่างรอยต่อเขตอุทยานแห่งชาติตาดโตน และอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ในเขต ต.ท่าหินโงม และ ต.ซับสีทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองชัยภูมิมากนัก เพียง 42 กิโลเมตร เท่านั้น โดยรูปหินที่มีลักษณะแปลกตาทั้ง 5 ต้นนี้ ตั้งตระหง่านสูงจากพื้นดินกว่า 12 เมตร ด้วยลักษณะที่โดดเด่นของเจ้าหินที่ตั้งตรงบริเวณทุ่งหญ้าบนเนินเขา แทรกด้วยกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่โต ตั้งเรียงรายดูสะดุดตามาแต่ไกล แถมยังคล้ายกับ Stonehenge 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลางของประเทศอังกฤษอย่างไรอย่างนั้น
3.วัดแก้วสารพัดนึก พระธาตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
พระธาตุผาซ่อนแก้ว ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ความโดดเด่นอลังการที่ไม่เหมือนใคร นอกจากทิวทัศน์สวยๆของทะเล ภูเขารายรอบ และทะเลหมอกสีขาว ก็คือสีสันสดใสอันเกิดจากการนำกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด แก้ว แหวน เงินทอง สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม เมื่อยามต้องแสงแดด ทั่วทั้งอาณาบริเวณจะสะท้อนประกายงดงาม ราวกับวัดบนสรวงสวรรค์ เป็นสถานที่อันสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ ควรค่าแก่การไปเยือน
คำว่า ผาซ่อนแก้ว เป็นชื่อยอดเขาที่ได้มาจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ซึ่งมองเห็นลูกแก้วลอยลงมาจากฟ้า ก่อนลับหายไปบริเวณถ้ำที่ยอดเขา กลายเป็นความเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงมา และต่อมาก็เป็นที่ตั้งของ “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดแสนสวยแห่ง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
4.ป่าห่มศรัทธา วัดป่าภูก้อน อ.นายูง จ.อุดรธานี
วัดป่าภูก้อนแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่รายล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจีกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งจุดเริ่มต้นในการสร้างวัด คือ ความมุ่งหมายที่จะรักษาธรรมชาติของป่าอันสมบูรณ์ และแหล่งต้นน้ำลำธารอันอุดมสมบูรณ์เอาไว้จากการถูกบุกรุกทำลาย จนกลายเป็นทิวทัศน์ระดับ Unseen Thailand
ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” ที่สร้างเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พระพุทธรูปปางไสยาสน์แนวนอนความยาวกว่า 20 เมตร ที่ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 6 ปี และเต็มไปด้วยตำนานเล่าขาน ตั้งแต่การได้มาของหินอ่อนขาวบริสุทธิ์จากประเทศอิตาลี ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนของเศียรพระ รวมถึงงานแกะสลักอันวิจิตรตระการตาราวกับมีชีวิต จากนั้นแวะขึ้นไปกราบนมัสการ “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” เจดีย์ที่ชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
5.แพหอยนางรม อ่าวท่าโสม ตราด
ใครเคยเห็นแพหอยนางรมกลางทะเลบ้างยกมือขึ้น !! แต่ถ้าให้เดาเราคงเคยเห็นแต่หอยนางรมที่แพ็คมาในกระปุกขายในซุปเปอร์กันมากกว่าใช่ไหมล่ะ หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้เห็นอย่างจริงๆ จังๆ ถึงแหล่งเพาะพันธุ์เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสดีที่ อพท. หรือ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จะพาเราไปล่องเรือฝ่าป่าโกงกางออกไปกลางทะเลตราดเพื่อไปถึงแหล่งเพาะพันธุ์หอยนางรมที่อ่าวท่าโสมกัน ตอนนี้เราก็ได้มาถึง “บ้านหอยนางรม” หมู่ที่ 1 บ้านท่าโสม ต.ท่าโสม อ.เข้าสมิง จ.ตราด กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังเตรียมตัวจะไปลงเรือล่องฝ่าป่าชายเลนออกไปกลางทะเลเพื่อไปถึงแพหอยนางรมของชาวบ้านนั่นเอง
เรือลำน้อยกำลังแล่นออกไปจากป่าชายเลนช้าๆ สองข้างเต็มไปด้วยต้นโกงกาง แดดวันนี้ค่อนข้างจะดีสักหน่อย เลยถ่ายรูปได้ฟ้าสีสวยๆ ตัดกับสีเขียวสดของโกงกางต้นเล็กต้นน้อย บวกกับทะเลสีคราม การล่องเรือในครั้งนี้แม้แดดจะร้อน ลมจะแรงแต่เราก็ไม่ย่อท้อค่ะ เพราะออกมาไกลถึงกลางทะเลแล้ว ใครที่อยากมาชมแพหอยนางรมกลางทะเลแบบเรา เตือนกันไว้ก่อนว่า หาหมวก หาผ้า และครีมกันแดดมาด้วยจะดีมาก
และแล้วเราก็มาถึงแพกลางทะเล หอยนางรมตัวเล็กตัวน้อยเกาะอยู่กับเชือก และหินอย่างหนาแน่น คุณลุงเจ้าของแพเล่าให้ฟังว่า ถ้าขายทั้งเปลือกแบบนี้จะตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 9 บาทค่ะ แต่ถ้าหอยนางรมที่แกะเปลือกแล้วจะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อกิโลกรัม แต่ถ้าฤดูไหนหายากก็จะราคาแพงขึ้นไปอีกหน่อย เพราะฉะนั้นถ้าใครได้มาที่นี่รับประกันความสดได้เลยร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
เรียกได้ว่าการล่องเรือออกมาในวันนี้เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการท่องเที่ยวเหมือนกันค่ะ เพราะคงแทบจะไม่มี หรือหาโอกาสได้ยากที่เราจะได้มาดูแหล่งเพาะพันธุ์ขนาดนี้ ใครที่อยากมาเปิดโลกการท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ ดูบ้างแบบเราก็ลองมาเที่ยวกันดูนะ
6.ถ้ำพุหวาย อุทัยธานี
ถ้ำพุหวาย ตั้งอยู่ในภูเขาหินปูนสูงชันสลับซับซ้อน ภายในถ้ำกว้างขวางมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆเช่น รูปเจดีย์ อ่างน้ำ ม่านน้ำตก ฯลฯ ทางเข้าถ้ำอยู่บนไหล่เขาต้องเดินขึ้นไป ภายในถ้ำอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีโพรงทะลุถึงด้านตรงข้ามของภูเขา มีค้างคาวอาศัยอยู่ 9 ชนิด โดยทางเดินเข้าไปยังปากถ้ำจะเป็นทางเดินเล็กๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยพืชพรรณไม้เขียวขจี
บริเวณปากถ้ำเป็นทางเดินที่ลอดชะง่อนผาลงไป เมื่อพ้นบริเวณปากทางเข้าเป็นห้องโถงใหญ่มีพระพุทธรูปให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ขอพร จากห้องโถงนี้จะมีจุดชมหินงอกหินย้อยแยกออกไปอีกมากมาย รวมทั้งหมด 21 จุดด้วยกัน ซึ่งแต่ละจุดเป็นหินงอกหินย้อยรูปทรงที่ทำให้เกิดจิตนาการบรรเจิด และได้รับการตั้งชื่อให้สอดคล้องกับรูปร่าง ได้แก่ หินดอกเห็ด, หินย้อย, เสาโรมัน, ดอกไม้หิน, หินหัวปลาโลมา,หินรูปนกกระจอกเทศ, หินปะการัง, เสาหินเล็ก, เสาหินปูน, หินรูปม่าน, หินรูปฐานประทับเทพ, หินรูปกลด, หินกลด,หินรูปบ่อน้ำ, ถ้ำพญานาค, เสาหินล้านปี, อ่างทิพย์, ฟองหิน, น้ำตกหินปูน, หินเกร็ดเพชร และหินงอกดอกกุหลาบ
จุดที่สร้างสีสันให้ถ้ำแห่งนี้และมีชื่อเสียงมากที่สุดคือ น้ำตกหินปูน โดยหินมีลักษณะเป็นคล้ายม่านน้ำตกลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ เมื่อส่องแสงไฟไปที่ตัวหินงอกนี้ก็จะเกิดเป็นประกายระยิบระยับสวยงามจับตา เพราะเกิดจากการตกผลึกของแร่แคลเซียมคาร์บอเนตนั่นเอง ไม่เพียงแค่จุดนี้เท่านั้นที่น่าสนใจ
จุดอื่นๆ ก็มีความสวยงามไฉไลไม่แพ้กัน ทั้งเสาหินปูนสูงใหญ่สุดอลังการ ม่านหินปูนสุดยิ่งใหญ่ และอื่นๆ อีกมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อคนนำทางชมถ้ำได้บริเวณปากถ้ำ ใช้เวลาเดินชมถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมง
7.ละลุ ดินแดนมหัศจรรย์ สระแก้ว
ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ของเมืองไทย โดยสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า “ละลุ (Lalu)” ดินแดนมหัศจรรย์ ซึ่งเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ละลุ เกิดจากน้ำฝนที่กัดเซาะและการพังทลายของดินและยุบตัว ส่วนดินที่แข็งจะยังคงอยู่ เมื่อถูกลมกัดกร่อนจะมีลักษณะเป็นรูปต่างๆ ดูคล้ายกับกำแพง เมืองหน้าผาโดยใช้เวลาตั้งแต่ 20,000-50,000 ปี การสะสมของตะกอนดินใช้เวลาถึง 150 ล้านปี ละลุตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2,000 ไร่ มีลักษณะคล้ายกับ แพะเมื่อผี ในจังหวัดแพร่ แต่จะมีขนาดเล็กกว่า บางท่านจะเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “แพะเมืองผีแห่งใหม่” คำว่า “ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ”
ขอบคุณบทความจาก http://thainews.co.kr/?p=10190